โครงร่าง
หัวข้อ :กระบวนการออกแบบอัตลักษณ์เพื่อประชาสัมพันธ์ : กรณีศึกษาสถาบันกวดวิชา ISAC
V ตัวแปรต้น : อัตลักษณ์ของสถาบันกวดวิชา ISAC
ตัวแปรตาม : กระบวนการออกแบบอัตลักษณ์
P ประชากร : อัตลักษณ์ของสถาบันกวดวิชา ISAC
A บริบท : อัตลักษณ์ของสถาบันกวดวิชา ISAC (กรอบของการศึกษา)
T ช่วงเวลา : เพื่อประชาสัมพันธ์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบอัตลักษณ์ให้กับสถาบันกวดวิชา ISAC คือการสร้างตราสัญลักษณ์ เพื่อเป็นตัวแทนบ่งบอกถึงลักษณะขององค์กรหรือสินค้าที่มีอยู่ ให้มีความสอดคล้องกลมกลืนตามหลักของการออกแบบ เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับนักออกแบบในปัจจุบัน
2. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ในสังคมปัจจุบันการออกแบบเข้ามามีบทบาทอย่างมากในด้านการแข็งขันกันทางธุรกิจ โดยได้ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลายองค์กรให้ความสำคัญกับการออกแบบอัตลักษณ์องค์กรอย่างจริงจัง เพื่อสร้างจุดสนใจและสิ่งที่แตกต่างกัน เพื่อบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนกับคู่แข่งทางธุรกิจที่อยู่ในประเภทเดียวกัน เพื่อจะให้ผู้คนจดจำได้ มองเห็นและรู้สึกถึงคามแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจที่มีรูปแบบคล้ายหรือเหมือนกัน เพื่อสร้างจุดความมุ่งมั่นและจุดยืนขององค์กร ซึ่งงานออกแบบดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบสัญลักษณ์ของสถาบัน ป้ายชื่อร้าน ไปจนถึงสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะถูกนำไปประยุกต์เป็นงานออกแบบให้กับองค์กร
จากปัญหาและความสำคัญดังกล่าว พบว่าการออกแบบอัตลักษณ์ให้องค์กร ควรเริ่มต้นจากการตั้งจุดมุ่งหมายในการออกแบบ มีสิ่งที่จำเป็นต้องรู้หรือการศึกษาหาข้อมูล คือ การออกแบบตราสัญลักษณ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นการสร้างคุณค่าความประทับใจให้กับสัญลักษณ์ว่าเมื่อเห็นแล้วนึกถึงอะไร ศึกษาถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งทางตรงและทางอ้อมในทางที่ดี มีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเสริมความรู้สึกที่มีต่อองค์กร จึงได้ออกแบบตราสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายการค้าของบริษัท หรือองค์กร อาจมีลักษณะเป็นตัวอักษรที่มีรูปแบบโดดเด่น หรือเป็นภาพที่มีชื่อบริษัทอยู่ด้วยเป็นสัญลักษณ์ หรือมิเช่นนั้นก็ประกอบขึ้นด้วยทุกองค์ประกอบที่กล่าวมารวมกัน แต่ไม่ว่าจะมีรูปแบบเป็นอย่างไรวัตถุประสงค์ของโลโก้ คือการบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ของบริษัทหรือองค์กรนั้น ๆ การออกแบบโลโก้เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ จะทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจดจำแบรนด์ขององค์กรหรือสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
ดังนั้นสรุปได้ว่า จากแนวคิดในการออกแบบตราสัญลักษณ์เพื่อให้เป็นงานออกแบบเชิงพาณิชย์จึงต้องหาความแตกต่างขององค์กรให้มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกว่าองค์กรอื่นๆที่อยู่ในประเภทเดียวกันเพื่อให้ได้อัตลักษณ์ที่มีความเหมาะสมในเรื่องรูปแบบและมีความสวยงามและสมคุณค่าต่อองค์กรนั้นๆ ให้ออกมาเป็นสไตล์โมเดิร์น (Modern Style) เป็นรูปแบบที่เน้นในเรื่องของความเรียบง่าย เข้าถึงคนทุกวัย โดยใช้เส้นสายขององค์ประกอบและเป็นแบบกราฟิค นำรูปทรงเรขาคณิตคณิตสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทรงกลมมาใช้ การเลือกใช้องค์ประกอบที่ดูน้อยทำให้รู้สึกสบาย ไม่เลี่ยน สีสันที่ใช้จะมีเพียง 2-3 สีเท่านั้น หรืออาจมีการเลือกใช้รูปทรงไม่มากเพื่อให้เข้ากับรูปแบบชีวิตที่ทันสมัยในปัจจุบันและเน้นที่ความสดใสของสีสรร อีกทั้งยังนำไปออกแบบร่วมกับสื่อสิ่งพิมพ์ในการประชาสัมพันธ์องค์กร
3. กลุ่มผู้บริโภค
กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นวัยรุ่น เนื่องจากสถาบันกวดวิชา ISAC เป็นสถาบันสอนสำหรับนักเรียนสายวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่กำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และมีความมุ่งเน้นนักศึกษาที่ต้องการจะศึกษาในคณะแพทย์ศาสตร์
4. บริบท
สถาบันกวดวิชา ISAC
5. ช่วงเวลา
ช่วงเวลาของการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ระหว่าง พ.ศ. 2554-2556
6. วัตถุประสงค์การวิจัย
3.1 เพื่อศึกษากระบวนการออกแบบตราสัญลักษณ์เชิงพาณิชย์ศิลป์
3.2 เพื่อผลิตต้นแบบเหมือนจริง (PROTOTYPE) กระบวนการออกแบบเชิงพาณิชย์ศิลป์ ภายหลังการออกแบบตราสัญลักษณ์
7. สมมติฐานการวิจัย
- (ในรายงานเว้นไว้ก่อนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง)
- (ในรายงานเว้นไว้ก่อนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง)
สถาบันกวดวิชาเพิ่งก่อตั้งขึ้นภายใต้แบรนด์ ISAC จึงเกิดแนวคิดที่จะออกแบบอัตลักษณ์เพื่อต้องการสื่อถึงภาพลักษณ์ทั้งหมดของแบรนด์” ที่จะทำให้คนภายนอกสัมผัสได้ถึงคาแรคเตอร์ของกิจการ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร โดยการออกแบบจะดึงเอาบุคลิกขององค์กรมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบเพื่อให้มีความแตกต่างจากองค์กรอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน งานที่ได้การออกแบบไว้เป็นประเภท Combination Mark เป็นเครื่องหมายที่มีทั้งภาพและตัวอักษรมารวมอยู่ในเครื่องหมายชิ้นเดียวกัน เป็นการนำตัวอักษรมาออกแบบให้มีเอกลักษณ์บวกกับใช้สีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสีประจำคณะแพทย์ของหลายๆ สถาบัน มาเป็นสีประจำขององค์กร
8. นิยามศัพท์เฉพาะ
อัตลักษณ์ หมายถึง Corporate Identity Design (หรือ CI Design) คือ การออกแบบอัตลักษณ์ขององค์กรหรือแบรนด์สินค้า ที่ไม่ได้หมายถึงการสร้างแบรนด์โดยตรง แต่เป็นหน้าต่างสำคัญที่จะกำหนดหน้าตาและทิศทางของแบรนด์นั้นๆ ได้ การออกแบบอัตลักษณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบ “โลโก้” แล้วนำไปประยุกต์ใช้กับเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดของแบรนด์แต่เป็นการออกแบบ “ภาพลักษณ์ทั้งหมดของแบรนด์” ที่จะทำให้คนภายนอกสัมผัสได้ เช่นเดียวกับที่องค์กรต้องการสื่อออกไป
สัญลักษณ์ หมายถึง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ล่ะองค์กร ที่แสดงออกใน ที่แสดงออกในรูปแบบของ ตราสัญลักษณ์ (Logo) สี (Color) ตัวอักษร (Fonts) และองค์ประกอบของงานกราฟิก (Graphic elements)
การออกแบบ หมายถึง การถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน ที่ผู้อื่น สามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผัสได้ เพื่อให้มีความเข้าใจในผลงานร่วมกัน
Combination Mark หมายถึง ประเภทของการออกแบบตราสัญลักษณ์ที่เลือกใช้เป็นเครื่องหมาย ที่มีทั้งภาพ และตัวอักษรมารวมอยู่ในเครื่องหมายชิ้นเดียวกัน
9. ขอบเขตการศึกษา
9.1 แบบร่าง (IDEA SKETCH)
9.2 แบบที่ทำการสรุป (CONCEPT SKETCH)
9.3 แบบเพื่อนำไปผลิต (WORKING DRAWING หรือ ART WORK)
9.4 ต้นแบบงานเพื่อการนำไปใช้เหมือนจริง (PROTOTYPE)
9.5 รายงานการจัดทำโครงการจำนวน 8 ฉบับ เพื่อการนำเสนอต่อคณะกรรมการ
9.6 ซีดีรายงานการจัดทำโครงการเพื่อการนำเสนอต่อคณะกรรมการ จำนวน 1 ชุด
10. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
10.1 กระบวนการออกแบบอัตลักษณ์
10.2 ต้นแบบของการนำไปใช้งานเหมือนจริง
11. การทบทวนวรรณกรรมและเอกสารอ้างอิง
การวิจัยเรื่องการออกแบบ “กระบวนการกออกแบบอัตลักษณ์เพื่อประชาสัมพันธ์ : กรณีศึกษาสถาบันกวดวิชาISAC” เป็นการศึกษาถึงกระบวนการออกแบบและรูปแบบของสัญลักษณ์ให้กับองค์กรเพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร โดยมีการวิเคราะห์ปัจจัย แนวคิด กลยุทธ์ในการออกแบบ โดยนำแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการทำศึกษาวิจัยดังนี้
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
11.1 ความหมายของงานออกแบบ (Design)
11.2 ความหมายของอัตลักษณ์ (Corporate Identity Design)
11.2.1 อัตลักษณ์ (Corporate Identity Design)
11.2.2 เครื่องหมายการค้า
11.2.3 ความสำคัญของสัญลักษณ์
11.3 ความหมายของ “ของที่ระลึก”
11.3.1 การจัดแบ่งประเภทของที่ระลึก
11.3.2 การกำหนดแบ่งตามคุณค่าแห่งการนำไปใช้
11.1 ความหมายของงานออกแบบ (Design)
งานออกแบบ (Design) เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ (Process) และผลผลิต (Product) กระบวนการที่ว่านั้นประกอบด้วยความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาในเรื่องของสิ่งที่สามารถรับรู้และมองเห็นได้ การจัดระบบ และการประเมินผล ในส่วนของผลผลิตหมายถึงผลจากสิ่งที่มองเห็น ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงองค์ประกอบภาพ (Visual Element) วัสดุ และการใช้งานที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขององค์กรนั้นๆ
การจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เฉพาะตัวที่มีอยู่ในตัวนักออกแบบแต่ล่ะคน หากถามว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ขึ้นได้นั้น ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ เนื่องจากไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว บางคนอาจได้ดูจากหนังสือ ชมภาพยนตร์ ฟังดนตรี หรือนั่งคิดเงียบๆ คนเดียว บางคนอาจได้จากการไปชมงานต่างๆ เป็นต้น แต่จะด้วยวิธีใดก็ตาม นักออกแบบที่ประสบความสำเร็จมักจะเป็นผู้ที่รู้จักบันทึกหรือเก็บข้อมูลที่เห็นว่าน่าสนใจใส่แฟ้มไว้ เสมือนเป็นการเก็บสะสมแนวคิดต่างๆไว้เลือกใช้งาน
11.2 ความหมายของอัตลักษณ์
11.2.1 อัตลักษณ์ (Corporate Identity Design)
อัตลักษณ์คือ อัตลักษณ์คือความรู้สึกนึกคิดต่อตนเองว่า "ฉันคือใคร" ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการปฏิสังสรรค์ระหว่างตัวเรากับคนอื่น โดยผ่านการมองตัวเองและคนอื่นมองเราในขณะนั้น (Kath2000 ; 6-7 อ้างใน พิศิษฏ์ ) และในขณะเดียวกันมโนทัศน์อัตลักษณ์ จะถูกกล่าวควบคู่ไปกับเรื่องของอำนาจ นิยามความหมายหรือการสร้างภาพแทนความจริง(representation)เมื่ออัตลักษณ์ไปสัมพันธ์กับแนวคิดที่กล่าวมาข้างต้นแล้วดูจะมีความหมายที่แตกต่างจากความหมายที่เข้าที่เข้าใจกันโดยสามัญสำนึกมาก(อภิญญา,2543:1)
Corporate Identity Design (หรือ CI Design) คือ การออกแบบอัตลักษณ์ขององค์กรหรือแบรนด์สินค้า ที่ไม่ได้หมายถึงการสร้างแบรนด์หนึ่งๆ โดยตรง แต่เป็นหน้าต่างสำคัญที่จะกำหนดหน้าตาและทิศทางของแบรนด์นั้นๆ ได้ การออกแบบอัตลักษณ์นี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันไม่ใช่แค่การออกแบบ “โลโก้” แล้วนำไปประยุกต์ใช้กับเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดของแบรนด์ CI Design คือ การออกแบบ “ภาพลักษณ์ทั้งหมดของแบรนด์” ที่จะทำให้คนภายนอกสัมผัสได้เช่นเดียวกับที่องค์กรต้องการสื่อออกไป
11.2.1 ตราสัญลักษณ์ (Logo)
ราชบัณฑิตยสถาน (2530) ได้ให้ความหมายของ Logo ไว้ว่า “ตราสัญลักษณ์” คำว่า Logo ตัดทอนมาจาก Logotype หมายถึง เครื่องหมาย ตรา สัญลักษณ์ ซึ่งสื่อความหมายเฉพาะถึงส่วนราชการ มูลนิธิ สมาคม บริษัท ห้างร้าน ฯลฯ อาจจะเป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ หรือทั้งสองอย่างประกอบกัน รูปภาพนั้นมักเป็นลักษณะเลขนศิลป์ (Graphic Art)
จะเห็นได้ว่า Logo หรือ ตราสัญลักษณ์ หรือตรา หรือใช้ทับศัพท์โลโก้ มีความหมายอย่างกว้างแต่อาจแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
11.2.1.1 ตราสัญลักษณ์ของภาคส่วนราชการ และ องค์กรที่ไม่มุ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น สัญลักษณ์ของ กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด มูลนิธิ สมาคม พรรคการเมือง และ รัฐวิสาหกิจ
11.2.1.2 ตราสัญลักษณ์ของบริษัท ห้างร้าน หรือเรียกว่า สัญลักษณ์ทางการค้าที่มุ่งผลประโยชน์เชิงธุรกิจ
ตราสินค้ากับตราบริษัทบางแห่ง ถ้ามีสินค้าน้อยชนิดจะใช้สินค้ากับชื่อบริษัทร่วมกัน เช่น ห้างขายยาอังกฤษตรางู มีแป้งตรางูเป็นสินค้า
แต่ยังมีผู้ให้ความหมายของ Logo ในลักษณะขอบเขตที่แคบกว่าที่กล่าวมา (วิรุณ ตั้งเจริญ 2531 อ้างถึงใน Berryman 1979) อธิบายว่า เครื่องหมายภาษา (Logo) จะแสดงภาษาตัวอักษรที่เป็นคำอ่านออกเสียงเป็นคำ ตามความต้องการของผู้ถือลิขสิทธิ์ ใช้แสดงถึง บริษัท ห้างร้าน หรือเป็นตรา (Brand) ของสินค้า ลักษณะสำคัญคือ อ่านได้ มีเอกภาพชัดเจน เช่น Exxon ไวไว เครื่องหมายภาษาเหล่านี้เป็นเสมือนเครื่องชี้เฉพาะ (Identity Device) ได้อย่างดี เพราะมีความสัมพันธ์ทั้งภาพและเสียง (Visual and Phonetic Codes) ที่เราคุ้นเคยต่างไปจากภาพลักษณ์ที่เป็นนามธรรม เป็นลักษณะเฉพาะ อาจใช้แทนบริษัท ห้างร้าน หรือชื่อสินค้าก็ได้
ดังนั้น Logo จึงมีความหมาย 2 แนวทาง คือ หมายถึง ตราสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของหน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือหมายถึง ตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบโดยใช้ตัวอักษรเป็นคำที่อ่านออกเสียงได้ มาประดิษฐ์เป็นลักษณะเฉพาะ อาจใช้แทนบริษัท หรือชื่อสินค้าก็ได้
11.2.2 เครื่องหมายการค้า (Trade Mark)
ในบรรดาสัญลักษณ์ที่มีอยู่มากมาย เราสามารถจำกัดความและแยกประเภทออกมาได้ชัดเจน คือ เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) เพราะเครื่องหมายการค้า มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์มากในการจับจ่ายใช้สอย และรับบริการต่างๆ อีกทั้งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เชิงธุรกิจ ดังนั้น ทุกประเทศจึงต้องออกกฎหมายรองรับเพื่อป้องกันความสับสน และความวุ่นวายจากการปลอมแปลงเลียนแบบเครื่องหมายการค้า
Wildbur (1966) กล่าวว่า เป็นคำที่มีการนำมาใช้บ่อยมาก แต่อย่างไรก็ตามยังมีความสับสนในการให้คำจำกัดความอยู่ เราใช้คำ “Trade Mark” เป็นตัวแทนของบุคคล บริษัท ส่วนราชการ หรือองค์กรที่ไม่มีการแข่งขัน และรวมไปถึง การออกแบบเครื่องหมายที่ใช้ตัวอักษรล้วนๆ และเกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ที่เรียกว่า Monogram หรือ Logotype แต่โดยทั่วไปเราจะพบการใช้ทั้ง 2 อย่าง คือ ใช้ตัวอักษรบรรยายใช้ภาพสัญลักษณ์เพื่อความชัดเจนของธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ หรือบริการ
Kuwayama (1973) ได้แบ่งเครื่องหมายการค้าไว้ดังนี้
Certification mark หมายถึง เครื่องหมายรองรับ เช่น mark ของญี่ปุ่น หรือ มอก. ของไทย
Service mark หมายถึง เครื่องหมายบริการ เช่น บริษัท ทัวร์ หรือธนาคาร
Symbolic mark หมายถึง เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์เฉพาะกิจ ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากเราขาคณิต หรือองค์ประกอบศิลป์ เช่น สัญลักษณ์การแข่งขันกีฬา การประชุม
Symbols หมายถึง สัญลักษณ์ใช้แทนสิ่งหนึ่ง โดยคิดขึ้นแทนองค์กรหรือหน่วยงาน เช่น สัญลักษณ์ขององค์กรกลาง โครงการตาวิเศษ สมาคมผู้ใช้แรงงาน ฯลฯ
ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 จากหนังสือของ สมศักดิ์ คุณเงิน, ธีระพล อรุณะกสิกร และสถาพร ลิ้มมณี (2535) ได้ให้ความหมายของเครื่องหมายการค้าไว้ ดังนี้
“เครื่องหมาย” หมายความว่า ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คำ ตัวหนังสือ ลายมือชื่อ หรือสิ่งเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน แต่ไม่รวามถึงผลิตภัณฑ์ ตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร
“เครื่องหมายการค้า” หมายความว่า เครื่องหมายที่ใช้ หรือจะใช้เป็นเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น
“เครื่องหมายรับรอง” หมายความว่า เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองเกี่ยวกับแหล่งกำเนิด ส่วนประกอบวิธีการผลิต คุณภาพ หรือคุณลักษณะใดๆ ของสินค้านั้น หรือรับรองเกี่ยวกับสภาพคุณภาพ ชนิด หรือคุณลักษณะอื่นใดของบริการนั้น
“เครื่องหมายร่วม” หมายความว่า เครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายบริการที่ใช้หรือ จะใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม สหกรณ์ สหภาพ กลุ่มบุคคลหรือ องค์กร อื่นใดของรัฐหรือเอกชน
เครื่องหมายการค้า คือ คำ สัญลักษณ์ สี ลวดลาย หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว รวมทั้งสิ่งของสามมิติใดๆ ที่มีรูปร่างเฉพาะ ซึ่งได้รับความคุ้มครองด้วยการจดทะเบียนตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ใช้สอยของผู้ผลิตหรือผู้ค้า ในการทำให้สินค้าของตนแตกต่างไปจากสินค้าของคู่แข่ง หน้าที่หลักของเครื่องหมายการค้าคือ การแสดงแหล่งกำเนิด อย่างไรก็ตาม เครื่องหมายการค้า อาจทำหน้าที่รับประกันสินค้า และการโฆษณาด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ สัญลักษณ์ ลายเซ็น คำ ข้อความ ตัวเลข ฯลฯ ที่มีเอกลักษณ์และไม่มีบทบัญญัติห้ามจดทะเบียนไว้ ถ้านำไปจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้ากับทางราชการ เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า ก็จะถือว่าเป็นเครื่องหมายการค้าทั้งสิ้น
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
10.2.1 ชลธิศา เที่ยวประดิษฐ์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร: การออกแบบเอกลักษณ์องค์กรสำหรับโครงการโฮมสเตย์มาตรฐานไทย (Corporate Identity Design for Homestay Standard Thailand) พบว่า เป็นแนวทางการวิจัยการออกแบบสัญลักษณ์องค์กรและข้อมูลพื้นฐานใน 4 ภูมิภาคของไทย เพื่อหาแนวทางในการออกแบบเอกลักษณ์องค์กร รวมทั้งแนวทางแก้ไขและเลือกแบบทดลองที่มีความเป็นไปได้ในแง่การสื่อสาร การออกแบบ และการนำไปใช้งาน เพื่อออกแบบเป็นคู่มือการใช้งานเอกลักษณ์องค์กร สำหรับให้บุคลากรในองค์กร รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนำไปใช้ในการอออกแบบสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์
10.2.2 อธิวัฒน์ จุลมัจฉา สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร : การออกแบบสัญลักษณ์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร (The Design of Sign for Tourism Promotion in Bangkok Metropolotan) พบว่า เป็นการออกแบบสัญลักษณ์เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งนำมาประมาประยุกต์ให้เข้าเป็นชุดกับสัญลักษณ์ประเภทบริการและการเดินทางจำนวน 1 ชุด โดยทั้งหมดมีความสวยงาม สอดคล้อง กลมกลืน และสื่อความหมายเข้าใจง่ายแก่ผู้ใช้งาน
12. ระเบียบวิธีวิจัย
12.1 ประชากร
อัตลักษณ์สถาบันกวดวิชา ISAC
12.2 การสุ่มตัวอย่าง
ใช้การสุ่มแบบเจาะจง เนื่องจากเป็นกระบวนการของกรอบการวิจัยที่กำหนดไว้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
12.2.1 ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิต (PRE-PRODUCTION)
- กำหนดประเด็นของปัญหา ตัวแปรต้น และตัวแปรตาม เพื่อ
ตั้งสมมติฐาน
- จัดทำแบบร่าง (IDEA SKETCH) และทำการสรุปแบบตามสมมติฐาน
(CONCEPT SKETCH)
12.2.2 ขั้นตอนการผลิต (PRODUCTION)
- กระบวนการก่อนผลิตต้นแบบเหมือนจริง
12.2.3 ขั้นตอนหลังการผลิต ( POST PRODUCTION)
-ประเมินผลด้วยเครื่องมือที่สร้างไว้โดยมีความสัมพันธ์กับลักษณะของ
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
- วิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการวิจัยในรูปแบบความเรียง
12.3 เครื่องมือในการวิเคราะห์มูล
- แบบสอบถามความพึงพอใจในการออกแบบ
- แบบสัมภาษณ์
12.4 การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้
- วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ( X ) จากร้อยละ
สรุป แค่นี้หรอครับ ต้องนำมา แบ่งแยกประเภท เพิ่มเติมรึป่าว
ตอบลบ